Search
Close this search box.
Search
Close this search box.

Apple

หน่วยงานกำกับดูแลของสหภาพยุโรปได้เปิดการสอบสวนเรื่องการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการตลาดและการจัดอันดับต่างๆ ของ Apple, Google, Meta และ Amazon ซึ่งอาจเป็นการละเมิดพระราชบัญญัติตลาดดิจิทัลของสหภาพยุโรป คณะกรรมาธิการยุโรปประกาศการสอบสวนว่า บริษัท Apple, Meta, Amazon และ Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) ไม่ปฏิบัติตาม Digital Markets Act (DMA) จากประกาศเมื่อวันที่ 25 มีนาคม “คณะกรรมาธิการยุโรป (EU Commission) สงสัยว่า Apple, Google และ Meta ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย DMA (Digital Markets Act) อย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะมาตรการที่พวกเขาใช้ควบคุมดูแลตลาดดิจิทัล” ที่มา: The European Commission หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันของสหภาพยุโรป (EU) กำลังตรวจสอบกฎ “Steering” ของ Google Play ที่อาจเอื้อประโยชน์ให้กับแอปของ Google เอง การให้ความสำคัญกับผลการค้นหาของ Google เอง มากกว่าผลการค้นหาจากคู่แข่ง กฎ “Steering” ของ App Store ที่อาจเอื้อประโยชน์ให้กับแอปของ Apple เอง รวมถึงการจำกัดตัวเลือกเบราว์เซอร์อื่น ๆ บนหน้าจอเลือกเบราว์เซอร์ของ Safari  โมเดล “จ่ายเงินหรือยินยอมR

ในงานประชุม WWDC 2023 Apple ได้เปิดตัว Vision Pro แว่น (headset) ความเป็นจริงเสริม (augmented reality, AR) ที่มีข่าวลือมายาวนาน Vision Pro นั้นเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ทะเยอทะยานที่สุดของ Apple จนถึงขณะนี้ หนึ่งปีในการผลิตอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี รวมถึง VisionOS ระบบปฏิบัติการใหม่ มาพร้อมด้วยราคาที่สูงลิ่ว และวันที่รอคอยก็มาถึง Vision Pro วางจำหน่ายวันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ และขณะนี้เปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าบน Apple Store แม้จะเปิดตัวแล้ว แต่ก็มีแอปที่พัฒนาขึ้นเองจำนวนไม่มากอย่างน่าประหลาดใจสำหรับ Vision Pro และการละเลยครั้งใหญ่ เช่น Netflix, Spotify และ YouTube ดังที่กล่าวไว้ เจ้าของแว่นรุ่นแรกๆ ต่างคาดหวังเนื้อหาต่าง ๆ เช่น ภาพยนตร์ และภาพยนตร์ 3 มิติ บริการสตรีมมิ่ง เช่น Disney+ และการบันทึกแบบ 180 องศาที่บันทึกด้วยเทคโนโลยี Spatial Audio ของ Apple มีอะไรให้ติดตามอีกมาก นั่นคือสาเหตุที่เราสร้างคู่มือฉบับย่อที่มีประโยชน์สำหรับทุกสิ่งที่ Apple ประกาศเกี่ยวกับ Vision Pro และ VisionOS Apple Vision Pro มีดีไซน์คล้ายแว่นตาสกี สิ่งแรกที่คุณจะสังเกตเห็นเกี่ยวกับ Vision Pro คือ แชสซี (chassis) ชวนใ

Apple ได้ประกาศความพร้อมใช้งานซอฟต์แวร์และเครื่องมือใหม่ที่จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอพต่าง ๆ สำหรับ Apple Vision Pro ที่กำลังจะมาถึง จากบล็อกของบริษัท Apple เปิดตัวชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนหลังจากการประกาศ Vision Pro ที่จะวางจำหน่ายในปลายปีหน้า เครื่องมืออื่น ๆ ที่มาพร้อมกับ SDK คือ โปรแกรมจำลอง VisionOS ซึ่งนักพัฒนาจะใช้ในการทดสอบเลย์เอาต์และฉากต่าง ๆ ในขณะพัฒนา โฆษณาผลิตภัณฑ์ ในตอนนี้ นักพัฒนาจะสามารถเข้าถึงเครื่องมือช่วยการเข้าถึงของบริษัทได้ เพื่อให้แน่ใจว่าแอปพลิเคชัน VisionOS ของพวกเขาเหมาะสมแก่ผู้ใช้งานทุกคน ชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) ของ VisionOS “ช่วยให้ชุมชนนักพัฒนาของ Apple สามารถทำให้แอพของพวกเขามีชีวิตชีวาในแบบที่ไม่เคยเป็นไปได้มาก่อน” Apple เผย ตามที่ TechCrunch รายงาน การเปิดตัว SDK ของ Apple ก่อนที่ผลิตภัณฑ์จะวางจำหน่ายในต้นปีหน้าเป็นการเสนอเพื่อเพิ่มความตื่นเต้นให้กับ Vision Pro ที่ไม่ได้จุดประกายความสนใจมากเท่าที่ควรระหว่างการเปิดตัวที่ WWDC เมื่อต้นเดือนนี้ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีแอปพลิเคชันมากมายให้ผู้ใช้งานสำรวจเมื่อผลิตภัณ

ซีอีโอบริษัท Meta อย่าง Mark Zuckerberg ได้ประเมิน Apple Vision Pro ชุดหูฟังสวมศีรษะเสมือนจิง (virtual reality (VR)) ที่เปิดตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้ ในช่วงประชุมภายในระดับผู้บริหารทั้งหมด โดยเขายังกล่าวถึงกลยุทธ์ AI ของบริษัท และย้ำเส้นทางการพัฒนาเมตาเวิลด์อีกด้วย Mark Zuckerberg กล่าวว่า วิสัยทัศน์ของ Meta เกี่ยวกับเมตาเวิลด์ (metaverse) นั้นเป็น “สิ่งที่เกี่ยวกับสังคมอย่างเป็นพื้นฐาน”  ในขณะที่วิสัยทัศน์ของ Apple ดูเหมือนจะเน้นการใช้งานเพียงรายบุคคลมากกว่า “การประกาศของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าวิสัยทัศน์และค่านิยมของเราแตกต่างกัน ความแตกต่างในความคิดและคุณค่านั้นมีความสำคัญอย่างไรในการพัฒนาแพลตฟอร์มนี้” ผู้ก่อตั้งกล่าวที่การประชุมเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ตามที่สำนักข่าว New York Times รายงาน “วิสัยทัศน์ของเราเกี่ยวกับเมตาเวิร์สและการมีอยู่นั้นเป็นพื้นฐานทางสังคมและเกี่ยวกับผู้คนที่มีปฏิสัมพันธ์และรู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้นด้วยวิธีการใหม่ๆ ที่น่าทึ่ง ในทางตรงกันข้าม ทุกการสาธิตที่ Apple แสดงมีคนนั่งอยู่บนโซฟาคนเดียว” การขาด ‘วิธีแก้ปัญหาที่มีมนต์ขลัง’ ของ Apple ความ

แม้ว่า Apple Vision Pro จะมาพร้อมคุณสมบัติต่าง ๆ ที่มุ่งสู่ความจริงเสมือนในแบบของคุณ แต่ชุดหูฟัง (headset) ของ Mira นั้นถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม เพียงหนึ่งวันหลังจากเปิดตัวสายผลิตภัณฑ์ความจริงเสมือน (VR) ใหม่ Apple Vision Pro บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีก็ยืนยันการเข้าซื้อกิจการของ Mira สตาร์ทอัพด้านความเป็นจริงเสริมที่ให้บริการชุดหูฟังแบบแฮนด์ฟรีที่ขับเคลื่อนด้วยสมาร์ทโฟน เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน The Verge รายงานว่าการซื้อกิจการครั้งล่าสุดของ Apple ถูกเปิดเผยผ่านโพสต์ Instagram ส่วนตัวที่แบ่งปันโดย Ben Taft ซีอีโอของ Mira ซึ่ง Apple ยืนยันว่าจริงในภายหลัง Vision Pro คาดว่าจะวางตลาดในต้นปี 2024 ถือเป็นอุปกรณ์ความเป็นจริงผสม (mixed-reality gear) ที่แพงที่สุด โดยราคาปัจจุบันอยู่ที่ $3,499 ในขณะที่ Vision Pro มาพร้อมกับนวัตกรรมที่มุ่งสู่ความจริงเสมือนส่วนบุคคล ชุดหูฟังของ Mira นั้นสร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับการใช้งานทางอุตสาหกรรม กรณีการใช้งานในปัจจุบัน ได้แก่ การผลิตสารเคมี เหล็กและอาหาร บริการเหมืองแร่ และการป้องกันประเทศ การใช้งานที่โดดเด่นอื่น ๆ ได้แก่ การสร้างชุ

Vision Pro ชุดหูฟังสวมศีรษะใหม่ของ Apple ที่เผยว่า “ผสมผสานเนื้อหาดิจิทัลเข้ากับโลกทางกายภาพได้อย่างลงตัว” อาจขยายขอบเขตของอนาคตดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ เมื่อวันจันทร์ Apple เปิดตัว Vision Pro ชุดหูฟังความเป็นจริงผสม (mixed reality headset) ใหม่โดยสวมหมวกเข้าสู่เวทีเทคโนโลยีดิจิทัลที่อิ่มตัวแล้ว การเข้าแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Hololens ของ Microsoft, Oculus ของ Meta และ Magic Leap นั้น Apple กำหนดให้อุปกรณ์ของตนเป็น “คอมพิวเตอร์เชิงพื้นที่ปฏิวัติวงการที่ผสมผสานเนื้อหาดิจิทัลเข้ากับโลกทางกายภาพได้อย่างลงตัว ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถอยู่กับปัจจุบันและเชื่อมต่อกับผู้อื่นได้” อุปกรณ์ที่ทันสมัย ส่วนขยายของฮาร์ดแวร์ที่มีอยู่ของ Apple ถูกควบคุมโดยสายตา มือ และการป้อนข้อมูลด้วยเสียงของผู้ใช้งาน สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดก็คือ Apple เผยว่าอุปกรณ์จะ “ปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาดิจิทัล (digital content) ในลักษณะที่รู้สึกเหมือนมีอยู่จริงในพื้นที่ของตน” นั่นหมายความว่าอุปกรณ์ความละเอียดสูงสามารถฉายเนื้อหาลงในพื้นที่ทางกายภาพของผู้ใช้งานได้อย่างราบรื่น “Visio

ความสนใจในโลกดิจิทัลแห่งอนาคตที่สมจริงกำลังจางหายไป เช่นเดียวกับที่ Apple วางแผนที่จะเปิดตัวอุปกรณ์ความจริงเสมือน Mark Zuckerberg ยอมรับโลกดิจิทัลที่เรียกว่าเมตาเวิร์ส (Metaverse) เมื่อเขากล่าวในเดือนพฤศจิกายน 2021 ว่าเขากำลังจะเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Facebook เป็น Meta ผู้เข้าร่วมทดลองประสบการณ์ Caliverse Hyper-Realistic Metaverse ที่งาน CES 2023 ในลาสเวกัสในเดือนมกราคม ตอนนี้ Apple คาดว่าจะกระโดดเข้าสู่ V.R. ตลาด. หนึ่งเดือนต่อมา Bill Gates ผู้ก่อตั้ง Microsoft เขียนว่าภายในสองหรือสามปี เขาเชื่อว่าการประชุมเสมือนจริงส่วนใหญ่จะเปลี่ยนจากวิดีโอกริดสองมิติ “เป็นเมตาเวิร์ส ซึ่งเป็นพื้นที่ 3 มิติพร้อมอวาตาร์ดิจิทัล” หลังจากนั้นไม่นาน Microsoft ประกาศว่าจะใช้จ่ายเงิน $70,000 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อ Activision Blizzard ยักษ์ใหญ่ด้านวิดีโอเกม และกล่าวว่าข้อตกลงดังกล่าวจะ “จัดเตรียมเอกสารสำหรับเมตาเวิร์ส” แต่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความสนใจในเมตาเวิร์สก็หยุดลง นักลงทุนด้านเทคโนโลยีนี้ได้ก้าวไปสู่เทรนด์ใหม่ อย่างเช่น ปัญญาประดิษฐ์ และโครงการเมตาเวิร์สบางโครงการถูกปิดโดยบริษัทต่างๆ เช่น Disn

เอกสารภายในจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีกล่าวว่า ในขณะที่พัฒนาเทคโนโลยี AI ของตัวเองนั้น การใช้แชทบ็อต AI ภายนอกของพนักงานจะถูกจำกัด บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Apple ได้จำกัดการใช้งาน ChatGPT แชทบอตปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของบริษัทที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากกลัวว่าข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอาจถูกบุกรุกได้ รายงานโดย The Wall Street Journal เปิดเผยว่า เอกสารภายในสำหรับพนักงานของ Apple ได้ห้ามใช้งาน ChatGPT ที่สนับสนุนโดย Microsoft และเครื่องมือ AI ที่คล้ายกันในขณะที่บริษัทกำลังพัฒนาเทคโนโลยี AI ของตัวเอง จากเอกสารดังกล่าว ผู้พัฒนา iPhone กังวลเกี่ยวกับพนักงานที่ใช้โปรแกรมและเปิดเผยข้อมูลลับของบริษัท นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงข้อจำกัดเกี่ยวกับ Copilot เครื่องมือ AI ของ GitHub ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันของ Microsoft ที่เขียนโค้ดซอฟต์แวร์โดยอัตโนมัติ การแบนภายในนี้เกิดขึ้นหลังจากแอป ChatGPT เปิดตัวสำหรับ iOS ใน Apple App Store เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ขณะนี้แอปใหม่มีให้บริการสำหรับผู้ใช้งาน iPhone และ iPad ในสหรัฐอเมริกา แต่ตั้งใจที่จะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติม “ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีคาดว่าจะเปิดตัวอุปกรณ์เสมือนจริงที่รอคอยมานานในฤดูใบไม้ผลิ Apple พร้อมตามรอย Mark Zuckerberg ด้านเมตาเวิร์ส ด้วยการเปิดตัวชุดหูฟังเสมือนจริงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ผู้ผลิต iPhone คาดว่าจะเปิดเผยชุดหูฟังที่สามารถดึงผู้ใช้งานเข้าสู่โลกที่สร้างโดยคอมพิวเตอร์ในฤดูใบไม้ผลิ Bloomberg รายงาน ชุดหูฟังนี้ทำงานมานานหลายปีแล้ว เนื่องจาก Apple มองหานวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ชิ้นต่อไปหลังจากความสำเร็จของ iPhone แผนการของ Apple สำหรับชุดหูฟังเสมือนจริงจะนำมาเปรียบเทียบกับการตัดสินใจของ Zuckerberg ที่จะรีแบรนด์ Facebook เป็น Meta และลงทุนหลายพันล้านในสิ่งที่เรียกว่า เทคโนโลยีเมตาเวิร์ส Tim Cook ผู้บริหารระดับสูงของ Apple ก่อนหน้านี้เคยดูถูกแนวคิดเมตาเวิร์สของนาย Zuckerberg เขาบอกกับสื่อดัตช์ในเดือนตุลาคม “ฉันคิดเสมอว่าสิ่งสำคัญคือผู้คนเข้าใจว่ามันคืออะไรและฉันไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าคนทั่วไปสามารถบอกคุณได้ว่าเมตาเวิร์สคืออะไร” Apple มักจะพูดไม่เต็มปากนักเกี่ยวกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใด ๆ ในอนาคต แม้ว่าจะมีข่าวลือแพร่สะพัดมานานหลายปีว่ากำลังทำงานกับชุดหูฟังความเป็นจริงเสมือนอยู่ อุ

Apple ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีและการสื่อสารอาจกำลังพัฒนาเมตาเวิร์สของตัวเอง โดยเพิ่งประกาศรับสมัครงานหลายตำแหน่งทางด้าน Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) รายการตำแหน่งงานหนึ่งมองหาวิศวกรที่มีประสบการณ์ในการพัฒนา “โลกความเป็นจริงผสม 3 มิติ” อย่างชัดเจน สำหรับ Technolog Development Group ซึ่งเป็นแผนกเสมือนจริงของบริษัท Apple อาจกำลังพัฒนาเมตาเวิร์สตามรอย Horizon Worlds ของ Meta Apple โพสต์ตำแหน่งงานชุดหนึ่งมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ซึ่งอาจให้มุมมองบางอย่างเกี่ยวกับทิศทางที่บริษัทกำลังมุ่งหน้าไปเกี่ยวกับเทคโนโลยีเมตาเวิร์ส ตามที่ Bloomberg รายงาน บริษัทเฟ้นหาวิศวกรเพื่อพัฒนาเนื้อหาสำหรับชุดหูฟัง VR ที่กำลังจะมาถึง โดยมีจอความละเอียดสูง ชุดกล้องมากกว่า 10 ตัว และใช้ชิป M2 ล่าสุดของ Apple ที่เร็วที่สุดในอุตสาหกรรม ตำแหน่งงานระบุอย่างชัดเจนว่าต้องการวิศวกรที่มีความรู้เพื่อพัฒนาโลกแห่งความเป็นจริงผสม 3 มิติ การเคลื่อนไหวครั้งนี้นั้นหมายความว่า Apple กำลังเดินตามรอยแพลตฟอร์มเมตาเวิร์สอย่าง Horizon Worlds ของ Meta ที่ผู้ใช้งานสามารถพบปะ โต้ตอบ และสร้างโลกของตนเองได้ ลิสต์ต

Apple มีแผนออก Apple Reality Pro ชุดหูฟังพร้อมแว่น MR ในเดือนมีนาคม 2023 บริษัทจะร่วมมือกับ Pegatron ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของไต้หวันเพื่อผลักดันชุดหูฟังไปสู่การผลิตจำนวนมากตั้งแต่ปี 2023 มีข่าวลือว่าจะเป็นรุ่นลิมิตเต็ด มีให้สำหรับลูกค้าเชิงพาณิชย์เท่านั้น เนื่องจากสินค้า Apple มีราคาสูง อุปกรณ์ดังกล่าวนั้นดูคล้ายกับแว่นตาสกีในแง่ของรูปลักษณ์ จะมีขนาดกะทัดรัดและเบากว่าแว่นตา Meta VR Quest Pro (ซึ่งมีน้ำหนัก 722 กรัม) และทำจาก “ผ้าตาข่าย อลูมิเนียม และแก้ว” ชุดหูฟัง Apple VR สามารถสแกนม่านตา ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ Quest Pro ไม่มีให้ ทำให้ผู้ใช้สามารถลงชื่อเข้าใช้บัญชีของตนได้ทันทีที่สวมชุดหูฟัง นอกจากนี้ Apple Reality Pro จะมีกล้องสวมศีรษะ 14 ตัว โดย 2 ตัวสามารถสแกนตำแหน่งขาของผู้สวมใส่เพื่อแสดงให้เห็นได้อย่างแม่นยำในโลกเสมือนจริง ในทางตรงกันข้าม ไม่มีกล้องชุดหูฟัง 10 ตัวใน Quest Pro ของ Meta ที่สามารถสแกนตำแหน่งขาได้ ชุดหูฟังมีความละเอียด 4K สำหรับตาแต่ละข้างและขับเคลื่อนโดย iOS รุ่นย่อยที่เรียกว่า realityOS หรือ rOS โปรเซสเซอร์ภายในนั้นจำลองมาจากโปรเซสเซอร์ M2 ที่ Appl

Tim Cook ซีอีโอ Apple ได้พูดคุยถึงเมตาเวิร์สและประเด็นต่าง ๆ จากการให้สัมภาษณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้ กับทาง Bright สำนักข่าวดัตช์ Cook บอกกับสำนักข่าวว่า การเขียนโปรแกรมเป็น “ภาษาที่สำคัญที่สุดที่คุณสามารถเรียนรู้ได้” เขากล่าวว่าทุกคนควรเรียนรู้การเขียนโค้ด และชั้นเรียนควรมีการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับประถมศึกษา Tim Cook ซีอีโอของ Apple กล่าวถึงความสำคัญของการสอนทักษะการเขียนโค้ดในโรงเรียนในระหว่างให้สัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์กับ Bright สำนักข่าวดัตช์ “ฉันคิดว่าทุกคนควรเรียนรู้การเขียนโปรแกรมก่อนที่จะจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยม ทว่าจริง ๆ แล้วฉันคิดว่าควรสอนตั้งแต่ในโรงเรียนประถม” Cook บอกกับสำนักข่าว พร้อมเสริมว่าเขามองว่าการเขียนโค้ดเป็น “ภาษาสากลเพียงภาษาเดียว” “ถือเป็นภาษาที่สำคัญที่สุดที่คุณสามารถเรียนรู้ได้” เขาเสริม “แน่นอนว่าภาษาแม่ของคุณมีความสำคัญต่อการสื่อสารมากกว่า แต่ภาษาโปรแกรมเป็นวิธีหนึ่งในการใช้ประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์ของคุณ” Cook ได้ส่งเสริมการเขียนโปรแกรมในหลักสูตรการศึกษาระดับปฐมวัยเป็นเวลาหลายปีแล้ว โดยกล่าวเอาไว้ในปี 2019 ว่า ควรเป็น “ทักษะหลัก”

Tim Cook ซีอโอ Apple ได้เดินทางทัวร์ยุโรปในสัปดาห์นี้ โดยนั่งให้สัมภาษณ์กับสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ เทคโนโลยี Augmented Reality (AR) เป็นหัวข้อประเด็นอภิปรายของ Cook และเป็นหัวข้อที่เขาหยิบขึ้นมาอีกครั้งจากการให้สัมภาษณ์กับทาง Bright ซึ่งตีพิมพ์ในเนเธอร์แลนด์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ RTL News “ฉันคิดว่า AR เป็นเทคโนโลยีที่ล้ำลึกจะส่งผลกระทบต่อทุกสิ่ง” Cook กล่าว พร้อมแสดงความคิดเห็นจากอิตาลีเมื่อต้นสัปดาห์ “อย่างที่ฉันบอกไป เราจะมองย้อนกลับไปแล้วคิดว่าครั้งหนึ่งเราเคยอยู่โดยปราศจาก AR ได้อย่างไร” Cook กล่าวต่อไปอีกว่า “อีกไม่นาน” ก่อนที่เราจะอยู่ในโลกที่เราสงสัยว่าเราทำได้อย่างไรโดยไม่ปราศจาก Augmented Reality (AR)  โดย Cook กล่าวว่า Virtual Reality ก็มีประโยชน์เช่นกันเพราะมันสมจริง แต่ไม่สามารถแทนที่ชีวิตจริงได้ “เป็นสิ่งที่คุณสามารถดื่มด่ำได้อย่างแท้จริง และสามารถใช้ได้ในทางที่ดี แต่ฉันไม่คิดว่าคุณต้องการใช้ชีวิตทั้งชีวิตแบบนั้น VR มีไว้สำหรับช่วงเวลาที่กำหนด แต่ไม่ใช่วิธีสื่อสารที่ดี ฉันไม่ได้ต่อต้าน แต่นั่นคือวิธีที่ฉันมองมัน” สำหรับเรื่อง “เมตาเวิร์ส

ผู้ที่อยู่ในธุรกิจการขาย NFT กำลังจะเห็นว่า การร่วมลงทุนมีความเสี่ยงมีกำไรน้อยไปหน่อย ดูเหมือนว่า Apple ได้ก้าวเข้าสู่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งกำไร NFT ทำนองว่ามีการกำหนดกฎเกณฑ์ที่อนุญาตให้ Apple หักกำไร NFT ที่ขายได้ผ่านแอพ iOS ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ และบริษัทเทคโนโลยีรายนี้กำลังพยายามอย่างเต็มที่ป้องกันผู้ที่มีโอกาสเป็นผู้ขายหลบเลี่ยงค่าธรรมเนียมเหล่านี้ ตามที่ระบุไว้โดย Apple Insider นั้น มาร์เก็ตเพลซทั่วไปจะรับค่าคอมมิชชั่น 2-3 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม รายงานใหม่จาก The Information ระบุว่า Apple กำลังพิจารณาหักค่าคอมมิชชั่น 30 เปอร์เซ็นต์จากดีล NFT ใด ๆ ก็ตามที่ดำเนินการผ่านแอพ iOS ผลที่ตามมาคือ ผู้ซื้อขาย NFT กำลังพิจารณาย้ายออกจากระบบนิเวศ Apple โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สตาร์ทอัพต่าง ๆ มองว่าค่าธรรมเนียมสูงเกินไปทำให้แทบไม่ได้กำไรเลย ยิ่งไปกว่านั้น การซื้อผ่าน App Store จะต้องใช้ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจาก Apple ไม่สามารถซื้อขายด้วยคริปโตได้ เนื่องด้วยลักษณะและมูลค่าของคริปโตเคอร์เรนซีผันผวน การกำหนดจำนวนเงินที่แปลงเป็นดอลลาร์จึงเป็นเรื่องยาก Apple ได้โต้ตอบรายงานของ The Information พร้อมแจ้งให้ตรวจสอบ

Apple อาจใช้เวลาหลายเดือนในการเปิดตัวชุดหูฟังที่รวม VR และ AR หลังจากนำเสนออุปกรณ์รุ่นหนึ่งไปยังบอร์ดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วตามที่ Bloomberg รายงาน แหล่งข่าวนิรนามบอกกับสื่อสิ่งพิมพ์ว่ายักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยียังได้พัฒนาระบบปฏิบัติการ (เรียกว่า rOS) เพื่อใช้ร่วมกับชุดหูฟังความเป็นจริงเสริม (mixed reality) ตามที่ Bloomberg รายงาน บริษัทต้องการเปิดตัวชุดหูฟังให้เร็วที่สุดในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้าและจำหน่ายให้กับผู้บริโภคในปี 2023 อุปกรณ์นี้มีโปรเซสเซอร์ “เทียบเท่ากับ Mac รุ่นล่าสุดของ Apple” และ “หน้าจอความละเอียดสูงพิเศษ” นอกจากนี้ Apple กำลังทำงานในผลิตภัณฑ์แยกต่างหากที่จะนำเสนอเฉพาะความเป็นจริงเสริม (augmented reality) แทนที่จะเป็นชุดหูฟังที่มีทั้งคุณสมบัติดังกล่าวและความเป็นจริงเสมือน (virtual reality) แว่นตา AR คาดว่าจะวางจำหน่ายในช่วงปลายทศวรรษนี้ ดูเหมือนว่า Apple จะใกล้การย้ายผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด โดยมุ่งสู่แอพพลิเคชั่นโลกเสมือนจริง ผู้เล่นหลักรายอื่นใน AR และ VR ได้แก่ Meta ซึ่งเดิมเรียกว่า Facebook ประกาศเมื่อเดือนที่แล้วว่า จะเปิดร้านค้าจริงเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ

แว่นตา VR-infused จะช่วยให้ผู้คนอาศัยอยู่ใน Metaverse ตามรายงานจาก Macrumors รายงานข้อมูลรั่วไหลของ Apple ‘contact lenses’ หรือ ‘คอนแทคเลนส์’ ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงจะผนวกความเป็นจริงเสมือน (virtual reality) เข้ากับชีวิตประจำวันของคนเรา ซึ่งน่าจะใช้ซอฟต์แวร์ Apple ที่พัฒนาขึ้นภายในซึ่งเรียกว่า ‘realityOS’ คาดว่า “Apple Lens” ของ Apple จะทำงานร่วมกันกับ iPhone และ Apple Glass เพื่อให้ผู้ใช้สามารถโทรออก ท่องเว็บ และแม้แต่เล่นเกมในขณะที่มีส่วนร่วมกับโลกรอบตัวได้ คุณ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ของ Apple ทำนายปีที่แล้วว่า Apple อาจเปิดตัว reality ‘contacts’ ในช่วงปี 2030s  คุณ Kuo เสริมว่า เลนส์ดังกล่าวจะนำผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีจากยุค “การประมวลผลที่มองเห็น” ไปสู่การ “การประมวลผลที่มองไม่เห็น” แม้ว่าเลนส์ดังกล่าวจะต้องพึ่งพาอุปกรณ์ (เช่น iPhone) หรือเครือข่าย 5G ในการทำงาน แต่อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์สมาร์ทโฟนในอนาคต มีรายงานว่าสมาร์ทคอนเทคเลนส์ (smart contact lenses) จะกลมกลืนกับสีตาธรรมชาติของคนเรา โดยมีราคาอยู่ในช่วง $99 ถึง $299 ยักษ์ใหญ่ทางเทคโนโลยีไ

Follow us

Most read in category

Digital currency