- เมตาเวิร์สสามารถสร้างรายได้สูงถึง $5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับกรณีการใช้งานของผู้บริโภคและองค์กรภายในปี 2030
- ผู้บริโภคนั้นได้แสดงความพร้อมที่จะใช้เงินไปกับเมตาเวิร์สแล้ว
- เมตาเวิร์สนั้นรวมองค์ประกอบของเทรนด์ยอดนิยม เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ความเป็นจริงเสมือนจริง การเชื่อมต่อขั้นสูง และ Web3 ด้วย
จากการวิจัยของ McKinsey บริษัทด้านบริหารจัดการและให้คำปรึกษาระดับโลก เผยว่าเมตาเวิร์สสามารถสร้างรายได้สูงถึง $5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับกรณีการใช้งานของผู้บริโภคและองค์กรภายในปี 2030 ซึ่งเท่ากับขนาดเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในปัจจุบัน ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสามของโลก
รายงานของ McKinsey ระบุถึงการเติบโตของเมตาเวิร์สแบบทวีคูณที่คาดไว้โดยสอดคล้องกับปัจจัยหลายประการ โดยระบุผลหารที่สามารถยอมรับได้ของเมตาเวิร์ส ทั้งด้านข้ามเพศ ภูมิศาสตร์ ประชากร และรุ่น ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งเสริมการเติบโตและการยอมรับมัน
ในรายงาน Mckinsey ระบุว่า แม้จะมีความแปลกใหม่ของเมตาเวิร์ส แต่ผู้บริโภคก็ได้แสดงความพร้อมที่จะใช้เงินไปกับเทคโนโลยีนี้แล้ว บริษัทต่าง ๆ กำลังลงทุนอย่างมากในโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการพัฒนาเมตาเวิร์ส ในขณะที่แบรนด์ต่าง ๆ กำลังทดลองและบันทึกผลตอบรับในเชิงบวก
การวิจัยล่าสุดของ McKinsey แสดงให้เห็นว่าองค์กรต่าง ๆ จะดึงดูดกรณีที่มีการใช้งานสูงมากขึ้นสำหรับเมตาเวิร์สในพื้นที่บริการหลัก การธนาคาร การผลิตแบบแยกส่วน สื่อ การผลิตตามกระบวนการ บริการระดับมืออาชีพ การค้าปลีก และโทรคมนาคม เป็นพื้นที่ที่มีกรณีการใช้งานสูงสำหรับองค์กรตามที่ McKinsey เผย
สำหรับผู้บริโภค มีเพียงอีคอมเมิร์ซเท่านั้นที่สะท้อนศักยภาพของกรณีการใช้งานแบบเมตาเวิร์สสูง อย่างไรก็ตาม พื้นที่อื่นๆ เช่น โฆษณา การศึกษา เกม และความบันเทิงสด จะดึงดูดกรณีการใช้งานระดับกลางจากผู้บริโภคในเมตาเวิร์ส
ปัจจัยอีกประการหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังสูงที่คาดการณ์ไว้สำหรับเมตาเวิร์สภายในปี 2030 คือธรรมชาติของเทคโนโลยีแบบผสมผสาน ตามรายงานของ McKinsey เมตาเวิร์สไม่ได้มีอยู่เพียงลำพัง โดยผสมผสานองค์ประกอบของเทรนด์ยอดนิยม เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ความเป็นจริงเสมือนจริง การเชื่อมต่อขั้นสูง และ Web3 ด้วย McKinsey ตั้งข้อสังเกตว่านี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ผู้นำองค์กรควรสนใจและลงทุนในเทคโนโลยีนี้
การใช้เมตาเวิร์สที่มีอยู่และก้าวหน้ากว่าที่สำคัญที่สุดสองอย่างที่ McKinsey ระบุ ก็คือ ‘การตลาดแบรนด์และการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค’ และ ‘ฝาแฝดดิจิทัล’ บริษัทหลายแห่งที่มีส่วนร่วมในโลกเสมือนจริง เช่น Roblox, Fortnite และ Sandbox ได้นำรูปแบบเดิมมาใช้แล้ว องค์กรต่างๆ กำลังสร้างแบบจำลองของการตั้งค่าทางกายภาพและวัตถุในเมตาเวิร์สที่สร้างข้อมูลแบบเรียลไทม์
แหล่งข่าว -> binance.com