การสำรวจที่เข้าร่วมโดยผู้ตอบแบบสอบถาม 24,179 ราย จาก 32 ประเทศ พบว่าเกือบครึ่งหรือ 43% ของผู้ตอบแบบสอบถามตั้งใจที่จะใช้ความจริงเสมือนเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเลือกของพวกเขา
เมื่อพรมแดนเปิดออกตามข้อจำกัดด้านการเดินทางที่ยืดเยื้อจากโควิด-19 เมตาเวิร์สซึ่งเป็นหนึ่งในระบบนิเวศย่อยของคริปโตล่าสุดก็ได้รับการตั้งค่าขึ้นเพื่อช่วยให้ผู้เดินทางตัดสินใจเลือกจุดหมายปลายทางที่พวกเขาต้องการไปสัมผัสด้วยตนเอง จากการสำรวจล่าสุดที่จัดทำโดย Booking.com เป็นการส่วนตัว
เอเจนซี่ท่องเที่ยวออนไลน์ยอดนิยม Booking.com สำรวจผู้ตอบแบบสอบถาม 24,179 ราย จาก 32 ประเทศ พบว่าผู้เดินทางสนใจอย่างมากในการสำรวจจุดหมายปลายทางแบบเสมือนจริงขณะตัดสินใจกำหนดการเดินทาง ผู้คนที่มีแนวโน้มจะลองประสบการณ์การเดินทางในเมตาเวิร์สมากที่สุด ได้แก่ Gen Z (45%) และ Millennials (43%)
เกือบครึ่งหรือ 43% ของผู้ตอบแบบสอบถามยืนยันว่าจะใช้ความจริงเสมือนเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเลือก ในบรรดากลุ่มนี้ ผู้เข้าร่วมประมาณ 4574 รายเชื่อในการเดินทางไปยังสถานที่ใหม่ ๆ หลังจากได้สัมผัสประสบการณ์จริงเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น กว่า 35% ของผู้ตอบแบบสอบถามเผยว่าใช้เวลาหลายวันในเมตาเวิร์ส เพื่อทำความเข้าใจกับสิ่งรอบข้างที่นำเสนอในจุดหมายปลายทางยอดนิยม จากข้อมูลของ Booking.com เทคโนโลยีที่รองรับ เช่น การตอบสนองแบบสัมผัสจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์นี้โดยให้ผู้ใช้งานสัมผัสหาดทรายและแสงแดดเขตร้อนโดยไม่ต้องออกไปไหน
อย่างไรก็ตาม 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าประสบการณ์ที่เมตาเวิร์สและเทคโนโลยีเสมือนจริงนำเสนอนั้นไม่ได้ใกล้เคียงกับประสบการณ์จริง จุดหมายปลายทางยอดนิยมบางส่วนในปี 2023 ได้แก่ เซาเปาโล (บราซิล) พอนดิเชอร์รี (อินเดีย) โฮบาร์ต (ออสเตรเลีย) และโบลซาโน (อิตาลี)
แผนการของ Microsoft ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่จะก้าวเข้าสู่ธุรกิจเมตาเวิร์สนั้นถูกกีดขวางครั้งใหญ่ หลังจากที่คณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหพันธรัฐของสหรัฐอเมริกา (FTC) พยายามขัดขวางการเข้าซื้อกิจการของ Activision Blizzard
การเข้าซื้อกิจการของ Activision Blizzard ด้วยมูลค่า $69,000 ล้านดอลลาร์จะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแพลตฟอร์มเมตาเวิร์ส ตามคำกล่าวของ Satya Nadella ซีอีโอและประธานของ Microsoft อย่างไรก็ตาม FTC ชี้ให้เห็นถึงแนวทางปฏิบัติที่ต่อต้านการแข่งขันของ Microsoft โดยบริษัทจำกัดการจัดจำหน่ายเกมคอนโซลหลังจากเข้าซื้อกิจการบริษัทเกมคู่แข่ง
แหล่งข่าว -> cointelegraph.com
