หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีและผู้ร่วมก่อตั้ง Stellar กำลังสร้างทีมงานผู้เชี่ยวชาญในวงการและวิศวกรเพื่อบุกเบิกขอบเขตใหม่ในการสำรวจอวกาศ
Jed McCaleb ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีบล็อคเชนกำลังเปลี่ยนจุดสนใจบางส่วนของเขาไปยังพื้นที่ดินแดนใหม่
มหาเศรษฐีคริปโตชื่อดังประกาศเปิดตัว Vast กิจการร่วมทุนใหม่ของเขาเมื่อวันอังคาร โดยมีเป้าหมายเพื่อขยาย “ที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในอวกาศ” โดย “ทำให้เกิดอนาคตที่ผู้คนนับล้านอาศัยอยู่ผ่านระบบสุริยะ”
จากข่าวของบริษัท บริษิทสตาร์ทอัพ McCaleb ด้านที่อยู่อาศัยในอวกาศก่อตั้งขึ้นในปี 2021 และได้รับมอบหมายให้พัฒนาสถานอวกาศแรงโน้มถ่วงเทียมแห่งแรกของโลก เพื่อให้มนุษย์สามารถอาศัยและทำงานในอวกาศได้
ประวัติศาสตร์ของมนุษย์อันยาวนานของ McCaleb ต่อการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเริ่มต้นขึ้นในปี 2000 เมื่อเขาสร้าง eDonkey2000 หนึ่งในเครือข่ายแชร์ไฟล์ที่ใหญ่ที่สุดในยุคนั้น ในปี 2007 เขาก็ก่อตั้งบริษัทอื่น ๆ ที่พัฒนาวิดีโอเกมชื่อ The Far Wilds
เขาเป็นผู้สร้าง Magic: The Gathering Online Exchange เว็บไซต์การ์ดซื้อขายที่มีชื่อเสียง แล้วถูกปรับเปลี่ยนเป็นตลาดซื้อขาย Bitcoin ในชื่อ Mt. Gox ในปี 2011 เขายังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Ripple Labs แม้ว่าจะลาออกจากบริษัทในเดือนมิถุนายน 2013
หลังจากที่ McCaleb ออกจาก Ripple เขาก็ก่อตั้ง Stellar Development Foundation ในปี 2014
McCaleb กล่าวว่า เขาหลังจะใช้ความเชี่ยวชาญของเขาเพื่อให้มนุษยชาติสามารถเข้าถึง “ทรัพยากรจำนวนมหาศาล” ในระบบสุริยะของเรา
“ฉันเชื่อเสมอมาว่าการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีเพื่อลดความไร้ประสิทธิภาพและปรับปรุงสภาพของมนุษย์ขยายที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในอวกาศนั้น เราต้องสร้างเทคโนโลยีที่ยั่งยืนอย่างสมบูรณ์แบบ”
McCaleb นั้น กำลังรวบรวมทีมงาน “วิศวกรระดับโลก” โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญในวงการที่ช่ำชองหลายคน เพื่อสร้างเทคโนโลยีท่ก่อนหน้านี้มีแต่ในนิยายวิทศาสตร์เท่านั้น
“แรงโน้มถ่วงเทียมไม่ใช่นิยายวิทยาศาสตร์ ต้องใช้โครงการสร้างอันตรกริยาขนาดใหญ่เท่านั้น แรงเหวี่ยงหนีศูนย์นี้จะทำให้เกิดแรงดึงคล้ายกับแรงโน้มถ่วงขึ้น”
ไม่ชัดเจนว่าเงินทุนของ Vast สำหรับโครงการสถานีอวกาศมาจากไหน แต่จากข้อมูลของ Forbes มูลค่าสุทธิของ McCaleb อยู่ที่ 2.5 พันล้านอย่างน้อยในปี 2022
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวอื่นอ้างว่ามันสูงขึ้นมากเนื่องจากโทเคน XRP หลายพันล้านเหรียญที่เขาได้รับในฐานะสมาชิกผู้ก่อตั้ง Ripple Labs ในปี 2012 ซึ่งเขาได้ขายออกไปอย่างเป็นระบบตลอดระยะเวลาแปดปี
แหล่งข่าว -> cointelegraph.com
