เมตาเวิร์สยังไม่พร้อมสำหรับการแต่งงานเสมือนจริงและกระบวนการทางกฎหมายยังคงเป็นสีเทาอยู่ 

เมตาเวิร์สยังไม่พร้อมสำหรับการแต่งงานเสมือนจริงและกระบวนการทางกฎหมายยังคงเป็นสีเทาอยู่ 

เนื่องจากกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเมตาเวิร์สค่อนข้างเป็นสีเทา ผู้เชี่ยวชาญจึงยังไม่เห็นว่าเทคโนโลยีนี้ถูกใช้เพื่อแก้ไขประเด็นทางฎหมาย

เนื่องจากระบบนิเวศ Web3 ทั่วโลกยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการใช้งานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องนี้จึงหลากหลาย การพัฒนาใหม่ ๆ ที่โดดเด่นี้ รัฐมนตรีระดับสูงของสิงคโปร์เพิ่งตั้งข้อสังเกตว่า สักวันหนึ่งกระบวนการแต่งงานทางกฎหมาย ข้อพิพาทคดีในศาล และบริการของรัฐบาลสามารถทำได้ในวันหนึ่งโดยใช้แพลตฟอร์มเมตาเวิร์ส

ขณะที่กล่าวปาฐกถาพิเศษที่งาน  TechLaw Fest 2022 เมื่อเดือนที่ผ่านมา Edwin Tong รัฐมนตรีกฎหมายคนที่สองของประเทศ กล่าวว่าเขาจะไม่แปลกใจเลยหากในอนาคตจะมีเหตุการณ์ที่คุ้นเคย เช่น พิธีแต่งานงานและข้อพิพาททางกฎหมาย “อาจเกิดขึ้นภายในเมตาเวิร์ส” และเสริมว่า

“คงคิดไม่ถึงว่านอกจากเรื่องการสมรสแล้ว อีกไม่นานจะสามารถเข้าถึงบริการของรัฐบาลอื่น ๆ ทางออนไลน์ผ่านเมตาเวิร์ส ไม่มีเหตุผลใดที่บริการกฎหมายไม่สามารถทำได้ การระบาดครั้งใหญ่แสดงให้เราเห็นแล้ว่าแม้แต่การรับข้อพิพาท เมื่อเห็นว่าเป็นกระบวนการทางกฏหมายทางกายภาพและสัมผัสกันสูง…สามารถจัดการทางออนไลน์ได้”

การอธิบายจุดยืนของเขานั้น Tong ใช้ตัวอย่างสมมติฐานของข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุในสถานที่ก่อสร้าง เขาเชื่อว่าสามารถดูได้ในสภาพแวดล้อม 3 มิติ โดยใช้เทคโนโลยีความจริงเสริม ช่วยให้สามารถเห็นภาพอุบัติเหตุได้ดีขึ้น “คุณสามารถใส่ตัวเองเข้าไปในอุโมงค์จริงหรือสถานที่กักเก็บน้ำมันเพื่อพิจารณาข้อพาทได้” เขาเสริม

มุมมองหลายส่วนเช่นนี้ Tong เชื่อว่าจะทำให้กระบวนการระงับข้อพิพาทมีความสะดวกและมีประสิทธิภาพอย่างยิ่งสำหรับรัฐบาลทั่วโลก

กระบวนการทางกฎหมายดิจิทัลสามารถกลายเป็นบรรทัดฐานได้หรือไม่?

Joseph Collement ที่ปรึกษาทั่วไปของตลาดซื้อขายคริปโตและบริษัทพัฒนากระเป๋าเงิน (wallet) Bitcoin.com มองว่า การลดความสำคัญของบริการของรัฐบาลที่ต้องมีการเข้าร่วมด้วยตัวเองเป็นขั้นตอนต่อไปที่สอดคล้องกันมากที่สุดสำหรับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโลกเปลี่ยนจากยุคที่คล้ายคลึงสู่ยุคดิจิทัลหลังโควิดนี้ เขาเสริมว่า

“ในปัจจุบันนี้ ประมาณ 1 ใน 3 ของข้อตกลงทางกฎหมายทั่วโลกมีการลงนามทางอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ประเทศสมัยใหม่ เช่น สิงคโปร์ ใช้เทคโนโลยีแบบเบ็ดเสร็จ เช่น เมตาเวิรส์สำหรับบริการของรัฐบาล แนวความคิดเดียวกันนี้ควรใช้กับคดีแพ่งบางคดี ซึ่งยังคงมีความล่าช้าอย่างมากเนื่องจากงานในมือคั่งค้าง แม้ว่าความยุติธรรมจะล่าช้า แต่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องมักต้องทนทุกข์”

มุมมองที่คล้ายกันนั้นแบ่งปันโดย Alexander Firsov หัวหน้าเจ้าหน้าที่ Web3.0 ของ Sensorium ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเมตาเวิร์สที่ขับเคลื่อนด้วย AI เขาบอกกับ Cointelegraph ว่า ในฐานะพื้นที่ที่อุทิศให้กับการเชื่อมช่องว่างระหว่างโลกแห่งความจริงกับประสบการณ์ดิจิทัล มันมีเหตุผลที่ว่าสักวันหนึ่งเมตาเวิร์สจะเปลี่ยนเป็นสื่อกลางที่สามารถดำเนินการทางกฎหมายได้

ในมุมมองของเขา การนำเทคโนโลยีที่สมจริงมาใช้ กระบวนการทางกฎหมายเสมือนจริงจะไม่แตกต่างจากเหตุการณ์ในชีวิตจริงมากนัก จริง ๆ แล้ว เขาเชื่อว่าการใช้อวตารเสมือนจริงสามารถนำมาซึ่งความมีมนุษยธรรมและการปรากฏตัวที่การประชุมออนไลน์ไม่สามารถทำได้ สุดท้าย Firsov ตั้งข้อสังเกตว่าระบบยุติธรรมทั่วโลกนั้นช้า มีค่าใช้จ่ายสูง และเมตาเวิร์สสามารถช่วยจัดการกับความไร้ประสิทธิภาพเหล่านี้ได้ โดยเสริมว่า

“เมตาเวิร์สสามารถมีผลกระทบในเชิงบวกเมื่อพูดถึงการทำงานของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและนิติบุคคลอื่น ๆ ในประเด็นต่าง ๆ เช่นความร่วมมือ การเก็บบันทึก และการส่งข้อมูล เนื่องจากมีความสามารถในการปรับปรุงกระบวนการที่สำคัญผ่านการใช้เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ เช่นบล็อกเชน”

ไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นด้วยกับความคิดดังกล่าว

Dimitry Mihaylov, A.I. นักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญของ UN และรองศาสตราจารย์ที่ National University of Singapore บอกกับทาง Cointelegraph ว่าปัญหาแรกเมื่อพูดถึงกระบวนการทางกฎหมายที่อำนวยความสะดวกทางดิจิทัลคือ ปัญหาของกฎหมายที่อิงกับทรัพย์สินทางปัญญา (IP) เนื่องจากพรมแดนทางภูมิศาสตร์ไม่ได้คำนึงถึงการดำเนินคดีในเมตาเวิร์สอย่างน้อยในตอนนี้ เขาอธิบายแล้วว่า

“เมื่อคุณได้รับสิทธิบัตร จะมีผลบังคับเฉพาะภายในอาณาเขตที่กำหนดเท่านั้น แต่เมตาเวิร์สผู้คนทั่วโลกจะใช้มัน ผู้คนสามารถละเมิดกฎหมายได้โดยไม่ได้ตั้งใจโดยใช้สิทธิบัตรในเมตาเวิร์สซึ่งอยู่นอกขอบเขตของการทำให้ถูกกฎหมาย นี่คือสิ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องพิจารณาว่าใครเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาและอยู่ภายใต้เขตอำนาจศาลของศาลใด”

ประเด็นที่สองตามความเห็นของเขาเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลและความเป็นเจ้าของ เนื่องจากกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีหลัก ๆ ใช้ข้อมูลของลูกค้าในทางที่ผิดมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่กฎระเบียบเกี่ยวกับการจัดเก็บและการใช้ข้อมูลทางกฎหมายบนเมตาเวิร์ส จะต้องได้รับการพัฒนาก่อนที่จะดำเนินการพิจารณาคดีในศาลเกี่ยวกับมัน

Collement เชื่อว่า ห้องพิจาณาคดีจริงนำเสนอคุณลักษณะที่ไม่สามารถจำลองแบบในเมตาเวิร์สได้ ตัวอย่างเช่น การสอบปากคำพยานต่อหน้าคณะลูกขุนเพื่อโจมตีความน่าเชื่อถือของเขาเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในบางกรณี แม้จะมีการประชุมทางวิดีโอขั้นสูง คณะลูกขุนอาจมองข้ามความหมายและรายละเอียดที่สำคัญบางประการจากการสอบพยาน เขาเสริมว่า

“สำหรับฉันไม่ชัดเจนว่าเมตาเวิร์สพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพการทดสอบ ความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่เกี่ยวกับการบังคับใช้คำตัดสินของเมตาเวิร์สในประเทศที่เป็นสมาชิกของอนุสัญญากรุงเฮก แต่ยังไม่ได้ออกคำแนะนำหรือกฎหมายใด ๆ เกี่ยวกับกระบวนการเสมือนเหล่านี้”

นอกจากนี้ Mihaylov ตั้งข้อสังเกตว่า คำถามเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ค่อนข้างเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เนื่องจากปกป้องงานดิจิทัลในหลายประเทศ เขาอธิบายว่าทุกวันนี้ บริษัทต่างๆ เช่น Google ดำเนินการเรื่องลิขสิทธิ์อย่างรวดเร็วและบล็อกไซต์ใดๆ ที่ละเมิดสิทธิ์ของพวกเขา “ลิขสิทธิ์ครอบคลุมกว่า 100 ประเทศ และใกล้เคียงกับโมเดลที่เมตาเวิร์สควรใช้ แต่ยังไม่มียื่น และไม่มีแบบอย่างดังกล่าวเกิดขึ้นจนถึงขณะนี้” เขาเสริม

มวลชนจะยอมรับยินดีต่อการพิจารณาคดีในเมตาเวิร์สหรือไม่?

Mattan Erder ที่ปรึกษาทั่วไปของผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานบล็อคเชนสาธารณะ Orbs กล่าวกับทาง Cointelegraph ว่า จริง ๆ แล้วมันเป็นคำถามที่ว่าผู้คนเต็มใจที่จะเชื่อผลลัพธ์ของสิ่งที่เกิดขึ้นบนเมตาเวิร์สว่าเป็นจริงหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากมุมมองทางกฎหมาย ในทัศนะของเขานั้น ปัจเจกบุคคลส่วนใหญ่ค่อนข้างแยกตัวจากความเป็นจริง ซึ่งพวกเขาเคยเห็นการทดลองที่ตัดสินอนาคตของแต่ละบุคคล โดยเสริมว่า

“ฉันคิดว่าเรามีเวลาก่อนที่สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นจริง อย่างไรก็ตาม ยิ่งผู้คนใช้ชีวิตในเมตาเวิร์สมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเข้าใกล้การเปลี่ยนแปลงทางจิตมากขึ้นเท่านั้น มีองค์ประกอบหลายอย่างที่ต้องพัฒนามากขึ้นก่อนที่จะมีสถาบันทางสังคมหลักประเภทนี้อยู่ที่นั่น”

ตามความเห็นของ Erder สถานการณ์ที่กล่าวถึงในที่นี้มักเป็นสถานการณ์ที่รัฐบาลมักจะจัดการโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสมเหตุผลสำหรับมวลชนที่จะไม่นำหน้าตนเองโดยคิดว่าการเปลี่ยนแปลงใดๆ เหล่านี้กำลังจะมาในระยะเวลาอันใกล้ เขาเชื่อว่าระบบกฎหมายมีความพึงพอใจที่ชัดเจนเมื่อต้องการแสดงตนทางกายภาพของผู้ที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาคดี โดยเสริมว่า

“คนส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าการได้อยู่ห้องเดียวกันกับใครบางคน เช่น การเป็นพยาน มองตา เห็นกิริยาท่าทาง ฯลฯ เป็นสิ่งสำคัญในการประเมินความน่าเชื่อถือของพวกเขา ประชาธิปไตยให้สิทธิจำเลยในการเผชิญหน้ากับพยานและหลักฐานต่อหน้าพวกเขาโดยตรง และผู้ฟ้องร้องมีสิทธิที่จะเผชิญหน้ากัน และกับผู้พิพากษา/คณะลูกขุนด้วย”

สุดท้าย ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญเมื่อพูดถึงประชาชนและรัฐบาลที่เข้าร่วมกระบวนการทางกฎหมายและการแต่งงานในเมตาเวิร์ส คือคำจำกัดความของความเป็นจริง ถึงจุดนี้ Erder คิดว่าเมื่อเมตาเวิร์สกลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตของผู้คน สิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่นจะเริ่มมีความสำคัญต่อผู้คน “เมตาเวิร์สจะกลายเป็นพิภพเล็ก ๆ ของสังคมมนุษย์ซึ่งจะมีความต้องการตามธรรมชาติสำหรับสิ่งต่าง ๆ เช่นการระงับข้อพิพาท” เขาสรุป

แหล่งข่าว -> cointelegraph.com

แบ่งปันให้เพื่อน :

Related news

Follow us

LATEST NEWS

COMMUNITY

Metaverse Jobs Thailand

(หา สมัครงาน เมตาเวิร์ส)

Metaverse Thailand

(Metaverse Thailand)

Blockchain Engineer

(Blockchain Engineer)

WEB 3.0 Thailand

(WEB 3.0 Thailand)

OpenChat Thailand

(OpenChat Thailand)