6 ปัจจัยที่มีผลต่อกำไรจากการขุด BTC ไม่เฉพาะราคา Bitcoin เท่านั้น 

6 ปัจจัยที่มีผลต่อกำไรจากการขุด BTC ไม่เฉพาะราคา Bitcoin เท่านั้น 

เนื่องจากผู้ถือครองคริปโตจำนวนมากกำลังเตรียมพร้อมสำหรับตลาดหมี อะไรคือปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อธุรกิจขุดคริปโต?

ตลาดหมีคริปโตเคอร์เรนซีที่กำลังดำเนินอยู่ ทำให้การทำกำไรจากการขุด Bitcoin (BTC) ลดลงอย่างมาก เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขุด BTC แซงหน้าราคา Bitcoin

ราคา BTC ที่ลดลงสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับความสามารถในการทำกำไรจากการขุด Bitcoin นั้น เริ่มต้นตั้งแต่ปลายปี 2021 และระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือนในต้นเดือนกรกฎาคม 2022

ข้อมูลจากเว็บไซต์ติดตามคริปโต Bitinfocharts พบว่า ความสามารถในการทำกำไรจากการขุด BTC ลดลงเหลือ $0.07 ต่อวัน ต่อ 1 เทราแฮชต่อวินาที (THash/s) ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2022 แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2020

การลดลงของผลกำไรจากการขุด BTC ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมขุดคริปโต

ราคา Bitcoin ที่ลดลงทำให้เกิดแรงกดดันต่อการขาย เนื่องจากนักขุดถูกผลักดันให้ขาย BTC เพื่อขุดและจ่ายค่าไฟฟ้าต่อไป บริษัทขุดคริปโตขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ เช่น Core Scientific ต้องขาย Bitcoin จำนวนมาก เพื่อให้สามารถอยู่รอดในสภาวะตลาดที่ยากลำบาก

เรื่องไม่ทำกำไรในการขุด BTC เพิ่มขึ้น กระตุ้นให้ความต้องการขุดคริปโตลดลงอย่างมาก ทำให้นักขุดจำนวนมากขายฮาร์แวร์ขุดลดราคาพิเศษ

เนื่องจากราคาเครื่องขุดประเภท ASIC (application-specific integrated circuit ) และการ์ดจอ (GPU) อาจกระตุ้นความสนใจนักขุดรายใหม่ สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าราคาของฮาร์ดแวร์ขุดเป็นเพียงหนึ่งในหลายปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังการทำกำไรจากการขุด BTC

ผลกำไรจากการขุด Bitcoin คืออะไรและกำหนดไว้อย่างไร?

การขุด Bitcoin เป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสกุลเงินดิจิทัล Bitcoin โดยใช้กำลังขุดของเครื่องขุดที่ใช้ GPU หรือไม่ก็เครื่องประเภท ASIC ที่ออกแบบมาเฉพาะ

ความสามารถในการทำกำไรจากการขุด Bitcoin เป็นประเมินระดับนักขุด Bitcoin ที่ทำกำไรได้โดยพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ราคา Bitcoin ความยากในการขุด ต้นทุนพลังงาน ประเภทของฮาร์ดแวร์ในการขุด และอื่น ๆ

ปัจจัยที่ 1 : ราคา Bitcoin และรางวัลต่อบล็อก

ราคา Bitcoin เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ชัดเจนที่สุดแล้ว ส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรขุด BTC เนื่องจากมูลค่าของ BTC เป็นสัดส่วนโดยตรงกับผลกำไรที่นักขุดได้รับ

ตลาดหมีกระตุ้นให้นักขุดสนใจราคา BTC มากขึ้น เพราะพวกเขาเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินหาก BTC ลดลงต่ำกว่าระดับราคาที่แน่นอน

นักขุดควรคำนึงถึงจำนวนของรางวัลต่อบล็อก (block reward) หรือจำนวน BTC ที่มอบให้นักขุดในการขุดหนึ่งบล็อกบนบล็อกเชน รางวัลต่อบล็อกของ Bitcoin เดิมให้มากถึง 50 BTC มาก่อนลดลงเหลือ 6.5 BTC ในปัจจุบัน หลังจากเกิดเหตุการณ์ block reward halving มาแล้วหลายครั้ง

Bitcoin halving  เป็นส่วนสำคัญของโปรโตคอล BTC โดยมีเป้าหมายลดจำนวนเหรียญใหม่ที่เข้าสู่เครือข่ายโดยลดรางวัลต่อบล็อกครึ่งหนึ่งทุก ๆ 210,000 บล็อก หรือประมาณทุก 4 ปี

ปัจจัย 2 : ลักษณะของฮาร์ดแวร์ขุด Bitcoin

ความสามารถในการทำกำไรขุด Bitcoin ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการเลือกอุปกรณ์ขุด BTC และลักษณะที่เกี่ยวข้อง รวมถึงอัตราแฮช การใช้พลังงาน และราคา

อัตราแฮช (Hash rate) คือกำลังประมวลผลของผู้ขุด ซึ่งวัดเป็นแฮชต่อวินาที (H/S) อัตราแฮชที่สูงขึ้นรวมถึงการแทนค่าเป็นกิโลแฮชต่อวินาที (KH/S) กิกะแฮชต่อวินาที (GH/S) เทราแฮชต่อวินาที (TH/S) เอ็กซ์แฮชต่อวินาที (EH/S) เป็นต้น

อัตราแฮชของนักขุดคือความเร็วที่สามารถไขปริศนาการขุดคริปโต เพื่อขุด Bitcoin ยิ่งความเร็วเร็วขึ้นเท่าใด BTC ก็ยิ่งถูกขุดมากขึ้นในกรอบเวลาที่กำหนด เนื่องจากอัตราแฮชของ BTC ทำลายระดับสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ผู้ผลิตเครื่องขุด Bitcoin มักจะผลิตอุปกรณ์ขุดใหม่ที่สนับสนุนอัตราแฮชที่สูงขึ้น ในขณะที่เครื่องขุดที่มีอายุมากกว่าดูเหมือนจะล้าสมัยเมื่อเวลาผ่านไป

คุณสมบัติที่สำคัญอีกประการหนึ่งของอุปกรณ์ขุด BTC คือ การใช้พลังงาน ด้วยต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ความสามารถของเครื่องขุดในการใช้พลังงานจึงเป็นสิ่งจำเป็น

ราคาของอุปกรณ์ขุดจริงยังเป็นค่าใช้จ่ายที่สำคัญในการคำนวณผลกำไรจากการขุด BTC ทั้งเครื่องขุดใช้ GPU และ ASIC มีราคาถูกลงท่ามกลางตลาดหมีในปีนี้ แต่เครื่องขุดรุ่นใหม่ยังคงมีราคามากกว่า $11,000 ในตอนนี้

ปัจจัย 3 : ความยากในการขุดและฮัตราแฮช

ความยากในการขุด Bitcoin เป็นตัววัดความยากในการขุดบล็อก BTC โดยความยากที่สูงกว่านั้นต้องการพลังงานประมวลผลเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบธุรกรรมและขุดเหรียญใหม่

ความยากของเครือข่ายเพิ่มขึ้นในปี 2022 โดยทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ การปรับความยากในการขุดของ Bitcoin เกิดขึ้นทุก ๆ 2,016 บล็อก หรือทุก ๆ สองสัปดาห์โดยประมาณ เนื่องจาก Bitcoin ถูกตั้งโปรแกรมให้ปรับตัวเองเพื่อรักษาเวลาบล็อกเป้าหมายไว้ที่ 10 นาที

อัตราแฮชของ Bitcoin เป็นหนึ่งตัวชี้วัดพื้นฐานสำหรับการประเมินความแข็งแกร่งของเครือข่าย BTC เนื่องจากอัตราแฮชที่สูงขึ้นหมายถึงต้องใช้พลังงานในการคำนวณมากขึ้นเพื่อตรวจสอบและเพิ่มธุรกรรมไปยังบล็อกเชน สิ่งนี้ยังทำให้ BTC มีความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากต้องใช้เครื่องขุดมากขึ้น รวมถึงพลังงานและเวลาในการเข้ายึดเครือข่ายมากขึ้น

ปัจจัย 4: ต้นทุนค่าไฟฟ้า

ราคาไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการคำนวณความสามารถในการทำกำไรของการขุด BTC

นักขุดพิจารณาราคาไฟฟ้าในประเทศต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับระเบียบการทำเหมืองขุดคริปโตในท้องถิ่น เนื่องจากกิจกรรมการขุดทำให้เกิดความเครียดเป็นพิเศษกับโครงข่ายไฟฟ้า การตรวจสอบข้อกำหนดในท้องถิ่นและราคาพลังงานเฉพาะสำหรับการจ่ายพลังงานให้กับเครื่องขุด BTC ในประเทศหรือภูมิภาคนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ

การขุด Bitcoin สามารถขับเคลื่อนโดยแหล่งพลังงานมากมาย ทั้งพลังงานหมุนเวียนเช่น พลังงานลมและแสงอาทิตย์ และแหล่งที่ไม่สามารถหมุนเวียนได้ รวมถึงเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ท่ามกลางราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นจากปัญหาอุปทานล่าสุด นักขุดควรให้ความสนใจเป็นพิเศษกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับรายได้จากการขุด BTC เมื่อใช้พลังงานที่ไม่หมุนเวียน

ปัจจัย 5 : ค่าธรรมกรณีเข้าร่วม Mining pool

นักขุด Bitcoin หลายคนชอบที่จะเข้าร่วม mining pools แทนที่จะทำงานเป็นนักขุดรายบุคคล นั่นคือวิธีการรวมพลังการประมวลผลและเพิ่มโอกาสในการค้นหาบล็อกและขุด BTC ได้เร็วขึ้น

Pool miners ควรตระหนักถึงค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ อื่น ๆ ที่ผู้ดูแลระบบพูลเป็นผู้ตั้งค่าซอฟต์แวร์สำหรับการขุดประเภทนี้ ค่าธรรมเนียมโดยทั่วไปคือ 1-3% ของรางวัลส่วนบุคคลของผู้ขุดขึ้นอยู่กับ pool

ปัจจัยที่ 6 : ค่าใช้จ่ายอื่นๆ

ค่าใช้จ่ายในการขุด Bitcoin ไม่ได้จำกัดเฉพาะ ASIC และ GPU และตัวบ่งชี้เครือข่าย การขุด BTC อาจต้องการการลงทุนเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับการตั้งค่าการขุดจริง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกและทรัพย์สินที่เหมาะสม ค่าใช้จ่ายที่สำคัญอาจรวมถึงการทำความเย็นหรืออุปกรณ์ป้องกันเสียงรบกวน เนื่องจากเครื่องขุดบางเครื่องมีความเกี่ยวข้องกับมลภาวะทางความร้อนและเสียงดังมาก

การคำนวณการขุดคริปโต

หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดในการคำนวณผลกำไรจากการขุด Bitcoin โดยพิจารณาจากปัจจัยที่ระบุไว้ทั้งหมดคือการใช้ การคำนวณการขุด BTC ออนไลน์

ออกแบบมาเพื่อลดความซับซ้อนของกระบวนการคำนวณผลกำไรจากการขุด Bitcoin เครื่องคำนวณการขุด BTC คาดการณ์รายได้การขุดโดยประมาณตามปัจจัยการผลิต เช่น ราคา BTC อัตราแฮช ราคาไฟฟ้า และอื่น ๆ

มาดูตัวอย่างการคำนวณผลกำไรจากการขุด Bitcoin ด้วย Bitmain ASIC Antminer S19 Pro ใหม่ล่าสุด โดยใช้เครื่องคำนวณการขุด BTC โดยผู้ให้บริการข้อมูลตลาดคริปดตอย่าง CryptoCompare

Antminer S19 Pro มีอัตราแฮชสูงสุด 110TH/s และกินไฟ 3250W สมมติว่าค่าธรรมเนียมพูลของเครื่องขุดคือ 2% และเครื่องขุดตั้งอยู่ในมลรัฐนอร์ทดาโคตา ซึ่งอัตราค่าไฟฟ้าที่อยู่อาศัยโดยเฉลี่ยในปี 2022 อยู่ที่ประมาณ $0.11 เทียบกับราคาเฉลี่ยของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ประมาณ $0.14 

จากตัวแปรเหล่านี้ อัตรากำไรรายวันคิดเป็น 27% โดยอาจมีกำไรจากการขุด BTC อยู่ที่ $70 ต่อเดือน หรือ $840 ต่อปี ตามข้อมูลของ CryptoCompare ในทางตรงกันข้าม เมื่อพิจารณาจากราคาไฟฟ้าของประเทศสหรัฐอเมริกาโดยเฉลี่ยที่ $0.14 อัตราส่วนกำไรรายวันจะอยู่ที่ 0% หรือแม้กระทั่งสร้างความสูญเสียจากราคา BTC ปัจจุบันและตัวชี้วัดเครือข่ายอื่น ๆ

แหล่งข่าว -> cointelegraph.com

แบ่งปันให้เพื่อน :

Related news

Follow us

LATEST NEWS

COMMUNITY

Metaverse Jobs Thailand

(หา สมัครงาน เมตาเวิร์ส)

Metaverse Thailand

(Metaverse Thailand)

Blockchain Engineer

(Blockchain Engineer)

WEB 3.0 Thailand

(WEB 3.0 Thailand)

OpenChat Thailand

(OpenChat Thailand)